โรคกรดไหลย้อน ท้องอืด น้ำกะเพราช่วยท่านได้
เขียนเมื่อ 14 / มีนาคม / 2551
สาเหตุ ที่ผมเป็นโรคท้องอืด กรดไหลย้อนและจุกเสียดในลำไส้ ผมคิดว่าเพราะเกิดจาก ช่วงก่อนหน้านี้หลายเดือน ผมทานยาคลายกล้ามเนื้อไป รวมประมาณ 30 แผงได้ (การทานยาคลายกล้ามเนื้อ คงทำให้ผนังกระเพาะอาหารบางลง) และในวันที่เป็นโรคท้องอืดนั้น ผมจำได้ว่า ยังทานยาคลายกล้ามเนื้ออยู่
วันที่ท้องอืดนั้น ผมสอนหนังสืออยู่ ผู้ปกครองเขาเลยซื้อกาแฟปรุ
ผมท้องอืดไป ได้ประมาณ 5 วัน พยายามทานผักเพิ่มเข้าไปก็แล้ว ทานยาเคมีสังเคราะห์ต่างๆ เช่น ยาเม็ดช่วยย่อยอาหาร ยาก่อนอาหารช่วยให้ลำไส้เคลื่
พอได้สูตรน้ำกะเพรา วันนั้นกลับบ้านดึก ตัดสินใจรีบไปซื้อกะเพราที่ห้
พอเอนตัวลงนอน สังเกตกระเพาะ ท้องร้องป๊อกๆๆๆๆ ทันที เลยดื่มน้ำกะเพราไป ปรากฏว่าไม่เกิน 10 - 15 นาที เรอเต็มๆ 1 ที แถมผายลม (ตด) แรงๆนานๆ (ประมาณ 3 วินาทีได้) อีก 1 ที พอเอนตัวลงนอนท้องหายร้องป๊
ตอนนี้ ผมหายป่วยจากโรคท้องอืด โรคกรดไหลย้อนแล้ว ตัวผมเองหายป่วยจากโรคนี้ภายใ 1 เดือน และระหว่างที่ผมดื่มน้ำกะเพรานี
ที่จริง ผมคิดว่า ผมน่าจะหายจากโรคท้องอืด กรดไหลย้อนนี้ภายใน 10 - 15 วัน แต่พอดีว่า มีอยู่วันหนึ่งที่คิดว่
อาการเตือนเบื้องต้นก่อนจะเป็
1. มีอาการเรอหลังรั
2. ไม่มีการผายลมมาหลายวัน
3. เริ่มรู้สึกปวดท้องเล็กๆน้อยๆ หลังจากกินอาหารเสร็จ
สูตรนี้ได้มาจาก นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ (ซึ่งผมฟังต่อๆกันมาจากเพื่
วิธีทำน้ำกะเพรา
1. นำกะเพรา 1 กำ (ทั้งลำต้นและใบ) ประมาณ 1 ขีด มาล้างให้สะอาดด้วยน้ำจุลินทรี
หรือน้ำยาล้างผักเพื่อล้างยาฆ่
2. ใส่น้ำ 2 - 3 ลิตรลงในหม้อ นำกะเพราใส่ลงไปทั้งหมด
3. ปิดฝาหม้อ ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ต้มประมาณ 15 - 20 นาที พอน้ำเดือดปุ๊บให้ปิดแก๊สทันที
4. ดื่มหลังอาหาร 1 แก้ว 250 ml (อ่านตรง ปล. ต่อ)
5. ถ้าน้ำกะเพราเย็นลงหรือ ดื่มไม่หมด ไม่ต้องอุ่นหรือต้มซ้ำ ให้แช่เย็นไว้ดื่ม
ปล. 1. ถ้าใช้กะเพราแดงจะได้ผลดีกว่า
2. จำไว้ว่า กะเพราเป็นสมุนไพรธาตุร้อน ถ้าดื่มน้ำกะเพราไปแล้วเกิ
3. อาการหนักประมาณ 6 - 7 แก้ว และหลังจากวันแรกที่ดื่ม ถ้าอาการทุเลาให้ลดปริมาณน้
4. ยาสมุนไพรไทย ใช้เวลารักษานานถึงจะหาย ต้องกินเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทานยาเคมีสังเคราะห์
ประโยชน์ของกะเพรา
กะเพราช่วยขับลม เป็น Buffer ปรับสมดุลกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยเร่งการย่อยอาหาร ได้ผลดีเยี่ยมกับคนที่เป็
(โรคนี้เวลาเป็นเหมือนถูกแทงด้
การดูแลตนเองสำหรับผู้ที่มี
1. รับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ไม่ทานลูกอมรสต่างๆ เช่น รสเปรี้ยว ที่ผสมสารสังเคราะห์
2. ไม่รับประทานอาหารที่มีรสเผ็
3. ไม่รับประทานอาหารมัน และของหมักดอง เช่น ผลไม้ดองต่างๆ (ข้อนี้สำคัญ)
4. ไม่ควรรับประทานอาหารรสหวาน ที่มีน้ำตาลปริมาณมาก เช่น ขนมหวาน, น้ำหวาน, น้ำอัดลม
5. งดดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ ชาและกาแฟก็ควรงด
6. ไม่รับประทานอาหารประเภทเนื้อสั
7. ควรรับประทานผัก และผลไม้ทุกมื้อ เพื่อให้มีการขับถ่าย ไล่ลมออก จุลินทรีย์ได้ทำงาน (ข้อนี้สำคัญ)
8. ไม่ควรรับประทานผลไม้ประเภทย่
9. ควรทานผลไม้ประเภทย่อยง่าย และมีกากใยสูง ผลไม้ที่แนะนำ เช่น ส้ม ชมพู่ แตงไทย แคนตาลูป
10. เคียวอาหารให้ละเอียด ประมาณ 100-200 ครั้งต่อ 1 คำ (ข้อนี้ช่วยได้มาก)
11. ไม่รับประทานอาหารจนเต็
12. ใช้เวลารับประทานอาหารในแต่ละมื
13. หลังรับประทานอาหารเสร็จ ให้ดื่มน้ำเปล่าแต่น้อย หลังจากนั้นอีกประมาณ ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงให้ดื่มน้
14. แกว่งแขน หลังรับประทานอาหารเสร็จในแต่
15. ตอนเย็นให้รับประทานอาหารย่อยง่
16. ควรดื่มยาคูลย์ (วันละ 1 ขวด หลังอาหารเช้า) หรืออาหารเสริมประเภทเพิ่มจุลิ
17. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่งทุกเช้า หรือวิ่งในช่วงเย็น เพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว (ข้อนี้สำคัญ)
18. อดทนในเรื่องไม่ทานอาหารจุกจิก ไม่เป็นเวลา ไม่เป็นมื้อ (ข้อนี้สำคัญเช่นกัน)
19. ท่องไว้ในใจเสมอว่า “ การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ” มีเงินทำไม ถ้าไม่ได้ใช้เงินให้เกิ
ถ้าเป็นโรค ใช้เวลาและเงินดูแล - ซื้อสุขภาพจะดีกว่า เช่น ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ ก็เพียงพอแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น